วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Database & DBMS

15-06-2011

Database - ฐานข้อมูล

        ฐานข้อมูลสามารถจัดเก็บของข้อมูล เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งหรือมากกว่าปกติในรูปแบบดิจิตอล. ข้อมูลจะถูกจัดระเบียบโดยทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบลักษณะของความเป็น จริง (เช่นความพร้อมของห้องพักในโรงแรม) ในลักษณะที่สนับสนุนกระบวนการที่ต้องการข้อมูลนี้ (ตัวอย่างเช่นการหาโรงแรมที่มีตำแหน่งงานว่าง) "คำว่า"ฐานข้อมูลหมายถึงทั้งสองอย่างเพื่อจะได้วิธีการที่ผู้ใช้ดูและให้การ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นตรรกะและทางกายภาพของเนื้อหาข้อมูลในภาพ,หน่วยความจำ คอมพิวเตอร์และ จัดเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ . คำจำกัดความนี้สามารถทั่วไปมากและเป็นอิสระจากเทคโนโลยีที่ใช้ แต่ ไม่เก็บรวบรวมข้อมูลทุกฐานข้อมูล  ฐานข้อมูลระยะแสดงให้เห็นว่าข้อมูลมีการจัดการในระดับที่มีคุณภาพบาง (วัดในแง่ของความถูกต้องความพร้อมการใช้งานและความยืดหยุ่น) และในทางกลับกันนี้มักจะหมายถึงการใช้งานทั่วไป สำหรับจุดประสงค์ ของระบบการจัดการฐานข้อมุล (DBMS) จุดประสงค์ทั่วไป DBMS โดยปกติจะซับซ้อน  ระบบที่ตรงกับความต้องการใช้งานจำนวนมากและฐานข้อมูลที่เก็บรักษามักจะมีขนาดใหญ่และซับซ้อน





Database Management System (DBMS) 

       เป็นแพคเกจซอฟต์แวร์ที่มี โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการสร้างการบำรุงรักษาและการใช้ ฐานข้อมูล . จะช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาฐานข้อมูลที่สะดวกสำหรับการใช้งานต่างๆโดยผู้บริหารฐานข้อมูล (DBAs) และผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ.ฐานข้อมูล จะเก็บรวมของระเบียนข้อมูลไฟล์และฐานข้อมูลอื่น ๆ วัตถุ ที่ต้องการโดยโปรแกรม  DBMS ช่วยให้ผู้ใช้โปรแกรมประยุกต์ใช้งานที่แตกต่างกันไปพร้อมกันการเข้าถึงฐานข้อมูลเดียวกัน  DBMSs อาจใช้ความหลากหลายของ แบบจำลองฐานข้อมูล เช่น เชิงสัมพันธุ์ หรือ รูปแบบวัตถุ เพื่อความสะดวกและสนับสนุนการใช้งานอธิบาย  โดยปกติจะใช้สนับสนุน ภาษษสอบถาม ซึ่งในความเป็นจริงในระดับสูงภาษาโปรแกรมการทุ่มเทภาษาฐานข้อมูลที่ง่ายมาก การเขียนโปรแกรมประยุกต์ใช้ฐานข้อมูล  ภาษาฐานข้อมูลยังลดความซับซ้อนขององค์กรฐานข้อมูลตลอดจนการเรียกคืนและนำเสนอข้อมูลจากมัน DBMS ช่วยอำนวยความสะดวกในการควบคุมการเข้าถึงข้อมุล , การบังคับใช้ข้อมูล ความสมบูรณ์ของการจัดการการควบคุมภาวะพร้อมกัน,การกู้คืน ความล้มเหลวของฐานข้อมูลและเรียกคืนหลังจากนั้นออกจากแฟ้มสำรองเช่นเดียวกับ การรักษาฐานข้อมูลการรักษาความปลอดภัย
                

หน้าที่ของระบบการจัดการฐานข้อมูล

     1. ช่วยกำหนด และเก็บโครงสร้างฐานข้อมูล (Define and Store Database Structure)

2. ช่วยดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล (Load Database)
ข้อมูลที่นำมาประมวลผลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ระบบจัดการฐานข้อมูลจะทำการรับและเก็บข้อมูลไว้ในข้อมูลเพื่อใช้ใน การประมวลผล

3. ช่วยเก็บและดูแลข้อมูล (Store and Maintain Data)
ข้อมูลที่เก็บในฐานข้อมูลจะถูกเก็บรวบรวมได้ด้วยกัน โดยมีระบบจัดการฐานข้อมูลเป็นผู้ดูแลรักษาข้อมูลเหล่านั้น

4. ช่วยประสานงานกับระบบปฏิบัติการ (Operating System)
เนื่อง จากคอมพิวเตอร์ต้องพึ่งระบบปฏิบัติการช่วยเพื่อให้ทำงานได้ ดังนั้นระบบปฏิบัติการจะคอยควบคุมการทำงานของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือโปรแกรม ต่าง ๆ เป็นต้น ระบบจัดการฐานข้อมูลจะทำการประสานงานกับระบบปฏิบัติการในการเรียกใช้ แก้ไขข้อมูล ลบข้อมูล ออกรายงาน

5. ช่วยควบคุมความปลอดภัย (Security Control)
ในระบบการจัดการฐานข้อมูลจะมีวิธีควบคุมการเรียกใช้ข้อมูล หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลของผู้ใช้ในระบบจะมีวิธีควบคุมการเรียกใช้ข้อมูล หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลของผู้ใช้ในระบบซึ่งสามารถเรียกข้อมูลมาแก้ไขได้ แตกต่างกัน เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับฐานข้อมูล

6. ช่วยจัดทำสำรองข้อมูลและการกู้คืน (Backup and Recover)
ใน ระบบจัดการฐานข้อมูลจะทำการสำรองข้อมูลของฐานข้อมูลและเมื่อเกิดปัญหาขึ้น กับฐานข้อมูล เช่น แฟ้มข้อมูลเสียหายเนื่องจากดิสก์เสีย ระบบจัดการฐานข้อมูลจะใช้ระบบข้อมูลสำรองนี้ในการฟื้นฟู สภาพการทำงานของระบบให้สู่สภาวะปกติ

7. ช่วยควบคุมการใช้ข้อมูลพร้อมกับของผู้ใช้ในระบบ (Concurrency Control)
ใน ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีผู้ใช้หลายคนสามารถเรียกข้อมูลได้พร้อมกัน ระบบฐานข้อมูลที่มีคุณสมบัติที่มีใช้หลายคนสามารถเรียกข้อมูลได้พร้อมกัน ระบบฐานข้อมูลที่มีคุณสมบัตินี้ จะทำการควบคุมการใช้ข้อมูลพร้อมกันของผู้ใช้หลายคนในเวลาเดียวกัน โดยมีการควบคุมอย่างถูกต้องเหมาะสม
      
      8. ช่วยควบคุมความสมบูรณ์ของข้อมูล (Integrity Control) ระบบจัดการฐานข้อมูลจะทำการควบคุมค่าของข้อมูลในระบบให้ถูกต้องตามที่ควรจะ เป็น เช่น รหัสนักศึกษาที่ลงทะเบียน จะต้องตรงกับรหัสนักศึกษาในข้อมูลประวัติ

9. ช่วยทำหน้าที่จัดทำดรรชนีข้อมูล (Data Directory)
ระบบจัดการฐานข้อมูลจะทำการสร้างดรรชนีข้อมูลเมื่อมีการกำหนดโครงสร้างของ ฐานข้อมูลขึ้นมาเพื่อเก็บรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับฐานข้อมูลเช่น ชื่อตาราง ชื่อฟิลด์ ดรรชนีต่างๆ เป็นต้น




วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วิจารณ์ภาพยนต์ -12.06.2011







เอลิซาเบธ ราชินีบัลลังก์ทอง เป็นเรื่องราวของ ราชินีหญิง ที่จะต้องกุมชีวิตรักของเธอให้อยู่หมัด, รับมือกับอริราชศัตรู, และพยายามดำรงสถานะหญิงแกร่งอันเป็นที่เคารพของโลกตะวันตก ขณะที่แมรี่ สจ๊วต พระญาติของเธอสมทบคบคิด กับ เจ้าชายฟิลิปแห่งสเปน หมายโค่นบัลลังก์ของเธอให้จนได้ ราชินีอลิซาเบธ จึงต้องออกศึกทำสงคราม เพื่อปกป้องราชอาณาจักรของเธอให้คงมั่น

ในปี 1585 หลังปกครองอังกฤษมานานเกือบสามทศวรรษ ราชินีเอลิซาเบธที่ 1 (แบลนเช็ตต์) ยังต้องเผชิญหน้ากับความกำเริบทะเยอทะยานหวังชิงราชบัลลังก์และการคุกคามอัน เนื่องมาจากการทรยศในราชวงศ์ แนวคิดของกลุ่มแคธอลิคหัวโบราณกระจายไปทั่วยุโรปในศตวรรษที่ 16 โดยมีพระเจ้าฟิลิปที่ 2 จากสเปน (จอร์ดี้ มอลล่า) เป็นหัวหอก โดยได้รับการหนุนหลังจากศาสนจักรในโรมและศาลที่จัดตั้งโดยศาสนจักรโรมันแค ธอลิค พระเจ้าฟิลิป พร้อมด้วยกองทัพอันทรงพลานุภาพและขบวนเรือรบที่ครอบครองน่านน้ำ จึงกลายเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อราชินีเอลิซาเบธและประเทศอังกฤษ...องค์ กษัตริย์ผู้เคร่งครัดมุ่งมั่นที่จะขับไล่ “พวกนอกรีต” โปรแตสแตนท์ออกจากบัลลังก์และกู้อังกฤษให้กลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์ ซึ่งหมายถึงความเป็นศาสนจักรโรมันแคธอลิค

ขณะเตรียมทำศึกเพื่อปกป้องบัลลังก์ เอลิซาเบธยังต้องดิ้นรนเพื่อรักษาสมดุลระหว่างหน้าที่ตามจารีตเชื้อพระวงศ์ โบร่ำโบราณและความอ่อนไหวอันเนื่องมาจากความรักที่คาดไม่ถึงที่พระนางมีต่อ ราเลกห์ ถึงแม้สถานะเขาจะเป็นเพียงสามัญชน ซึ่งยังคงเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับทั้งกายและใจขององค์ราชินี ทั้งไม่สามารถและไม่เต็มใจที่จะทำตามความปรารถนาของตน พระนางเจ้าเอลิซาเบธจึงสนับสนุนให้เบสส์ นางสนมคนโปรด (แอ็บบี้ คอร์นิช) ผูกไมตรีกับราเลกห์ และเก็บเขาเอาไว้ใกล้ๆ ตัว

แต่มันช่างเป็นแผนการที่เจ็บปวดอะไรเช่นนี้เมื่อเอลิซาเบธต้องประสบพบ เห็นการเกี้ยวพาราสีของทั้งคู่ โดยที่พระนางไม่มีทางเลือก นอกจากต้องเฝ้าดูความใกล้ชิดที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างสองคนนั้น พระนางไม่เพียงแต่มองเห็นจิตวิญญาณที่เฉลียวฉลาดพอกันในตัวราเลกห์ผู้รักการ ผจญภัย แต่ยังทรงเห็นถึงแผ่นดินอันไกลโพ้น โลกที่ยังไม่ผ่านการสำรวจ อิสรเสรีภาพเหลือคณานับ หลังจากตัดสินใจให้เบสส์มาแทนที่ตัวเอง พระนางถูกบีบให้ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างความเป็นผู้หญิงและความเป็นราชินี



บทวิจารณ์
  หนังเรื่องนี้ดูประมาณ 3 รอบได้ค่ะ ยอมรับว่าดูครั้งแรกไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร เลยมีรอบที่2และ3 ตามมา..  หนังเล่าเรื่องในยุคของราชินีเอลิซาเบธที่ 1 แห่งราชอาณาจักรอังกฤษ ที่กำลังสั่นคลอนจากการแย่งชิงชิงราชบัลลังก์และการทรยศในหมู่พี่น้องด้วยกันเอง แต่ราชินีเอลิซาเบท ก้อสามารถต่อสู้และเผชิญกับสงครามที่เกิดขึ้นด้วยตนเองแหละนอกจากจะมีเรื่องสงครามที่มากเกินความสามรถของผุ้หญิงตัวเล็กๆแล้วนางยังต้องเผชิญกับเรื่องราวของความรักสามเศร้าที่เกินขึ้นกับนางอีก...แต่ราชินี เอลิซาเบต ก็สามารถผ่านเรื่องราวต่างๆมาได้ด้วยการต่อสู้แหละอดทนของนาง ทำให้บัลลังก์ที่สั่นคลอนในยุคของนางกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
  ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้คิดได้ว่าผู้หญิงก้อสามมารถทำอะไรที่คนอื่นอาจจะมองว่าผู้หญิงอย่างเราไม่สามารถทำได้ค่ะ..นอกจากเนื้อเรื่องที่น่าติดตามแล้ว เรื่องเสื้อผ้าของหนังเรื่องนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเพราะชุดแต่ล่ะชุดของราชินีสวยมากเลยค่ะดูสง่างามมาก..^^

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การจัดระบบข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์

Spatial Distribution = การกระจายเชิงพื้นที่
เป็น การกระจัดกระจายตัวหรือการกระจุกตัวที่อยู่ในพื้นที่ จะอยู่ในลักษณะที่กระจุกตัวบางพื้นที่หรือแยกกระจายอาจจะอยู่ใกล้กันหรือไกล กันขึ้นอยู่กับบิเวณพื้นที่ต่างๆ
Spatial Differentiation = ความแตกต่างเชิงพื้นที่
ใน พื้นที่จะมีความแตกต่างกันในหลายๆด้าน พื้นที่แต่ละส่วนจะไม่เหมือนกันในหลายประการ อาจเป็นสิ่งแวดล้อม พื้นที่สูง-ตำของแต่ละบริเวณนั่นๆ
Spatial Diffusion = การแพร่กระจายในเชิงพื้นที่
เป็น การกระจายจากพื้นที่หนึ่งไปอีกพื้นที่หนึ่ง อาจจะเป็นการอพยพย้ายถิ่นฐาน หรือมีการกระจายของสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วกระจายออกไปตามพื้นที่ต่างๆ
Spatial Interaction = การปฏิสัมพันธ์ในเชิงพื้นที่

พื้นที่ที่ทำกิจกรรมจะสัมพันธ์กับพื้นที่อื่นและพื้นที่นั้นๆ ในแต่ละส่วนของกิจรรมจะแยกออกตามเขตพื้นที่ของตัวเองในพื้นที่แต่ละส่วน
Spatial Temporary = ช่วงเวลาในเชิงพื้นที่

ช่วง เวลาในแต่ละพื้นที่จะแตกต่างกันออกไปในช่วงของการแบ่งเขตเวลา การกระทำหรือกิจกรรมที่ก็จะต่างกันออกไปตามช่วงเวลาของพื้นที่แต่ละส่วน